ในงาน Sustainability Expo 2024 มีการจัดการอภิปรายในหัวข้อ "Building Sustainable Communities การสร้างชุมชนที่ยั่งยืน" โดยมีผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำร่วมแบ่งปันมุมมองและประสบการณ์เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
นำโดย คุณพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทพราว คุณปิยภูมิ สีชัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด B2B ประเทศไทย บริษัท สยามมิชลิน จำกัด และคุณสมศักดิ์ บุญคำ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (Founder & CEO) บริษัท Local Alike
โดยผู้ร่วมอภิปรายทั้งสามท่านเห็นพ้องกันว่า การสร้างความยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่การเติบโตทางธุรกิจ แต่ต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย คุณสมศักดิ์มองว่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกในชุมชน ในขณะที่คุณปิยะภูมิ สีจันทร์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่าง "คน โลก และกำไร"
เกี่ยวกับโครงการด้านความยั่งยืน คุณพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทพราว กล่าวถึงโครงการ Regenerative Sustainability ที่แปลงขยะอินทรีย์จากโรงแรมและร้านอาหารเป็นปุ๋ย ซึ่งนำไปใช้ในฟาร์มของบริษัทและแจกจ่ายให้กับชุมชน โครงการนี้ช่วยลดขยะ ฟื้นฟูคุณภาพดิน ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรท้องถิ่น
คุณปิยะภูมิ สีชัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด B2B ประเทศไทย บริษัท สยามมิชลิน จำกัดได้เล่าถึงโครงการ Rubber Way ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นโครงการให้ความรู้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราเกี่ยวกับวิธีการกรีดยางที่ถูกต้อง เพิ่มผลผลิต ลดการตัดไม้ทำลายป่า และช่วยให้เด็กๆ ในครอบครัวเหล่านี้ได้กลับไปเรียนหนังสือ
ทางด้าน คุณสมศักดิ์ บุญคำ จาก Local Alike ได้ดำเนินโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชนในพื้นที่ต่างๆ เช่น ชุมชนชาวเขา ชุมชนคลองเตย และหมู่บ้านในจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของสมาชิกในชุมชนให้สามารถจัดการการท่องเที่ยวได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขยายแนวคิด "การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์" ซึ่งไม่เพียงแต่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยฟื้นฟูและปรับปรุงสภาพแวดล้อมด้วย
สำหรับโครงการในอนาคต ทั้งสามองค์กรเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาและการพัฒนาทักษะสำหรับชุมชน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ
ทั้งสามองค์กรได้เห็นผลลัพธ์เชิงบวกจากโครงการต่างๆ ของตน รวมถึงการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายอีกมาก เช่น การสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของชุมชน การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ คุณสมศักดิ์เน้นย้ำว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจอย่างแท้จริงในความต้องการของชุมชนและให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการ คุณปิยะภูมิชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความตระหนักของผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่คุณภาสุเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างพันธมิตรและความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในการขับเคลื่อนโครงการด้านความยั่งยืน
เกี่ยวกับแนวทางสู่อนาคตที่ยั่งยืน ผู้ร่วมอภิปรายได้เสนอกลยุทธ์สำคัญหลายประการ คุณสมศักดิ์เน้นย้ำว่าการให้ความรู้และพัฒนาทักษะแก่สมาชิกในชุมชนเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความยั่งยืน โดยกล่าวว่า "การให้การศึกษาดีกว่าการให้สิ่งอื่นใด" ทั้งสามองค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น การแปลงขยะเป็นพลังงานและการใช้ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์และตัดสินใจ คุณสมศักดิ์ยังเรียกร้องให้มีการส่งเสริมกิจการเพื่อสังคมมากขึ้นเพื่อสร้างทางออกที่ยั่งยืนสำหรับปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ในขณะที่คุณภาสุเสนอให้ปรับปรุงนโยบายและกฎหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในระดับท้องถิ่น
คุณปิยะภูมิเน้นย้ำว่า "ความยั่งยืนเป็นหน้าที่ของทุกคน" ไม่ใช่เพียงความรับผิดชอบของรัฐบาลหรือภาคธุรกิจเท่านั้น สอดคล้องกับแนวคิดที่ผู้ร่วมอภิปรายทั้งสามท่านแบ่งปันว่า การสร้างความตระหนักและการมีส่วนร่วมจากทุกคนเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลดการใช้ทรัพยากรมากกว่าการรีไซเคิล โดยกล่าวว่า "สิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่การรีไซเคิล แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความยั่งยืนคือการลดการใช้หรือไม่ใช้ตั้งแต่ต้น"
คุณปิยะภูมิใช้ตัวอย่างของยางรถยนต์ โดยชี้ให้เห็นว่าในแต่ละปี มีการเปลี่ยนยางก่อนกำหนดมากกว่า 400 ล้านเส้น ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 36 ล้านตันต่อปี เขาแนะนำให้ผู้บริโภคใช้ยางจนถึงจุดที่ปลอดภัยที่สุดแทนที่จะเปลี่ยนก่อนกำหนด นอกจากนี้ เขายังแนะนำว่าการลดการบริโภคตั้งแต่ต้นจะช่วยลดการใช้พลังงานและทรัพยากรในกระบวนการรีไซเคิล สิ่งนี้สะท้อนถึงแนวคิดสำคัญในการสร้างความยั่งยืน: การมุ่งเน้นการลดการใช้ทรัพยากรจากแหล่งที่มา ซึ่งสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าการจัดการของเสียหลังจากที่เกิดขึ้นแล้ว แนวคิดนี้สอดคล้องกับหลักการ "ลด ใช้ซ้ำ รีไซเคิล" โดยเน้น "ลด" เป็นลำดับแรก
การอภิปรายนี้สะท้อนให้เห็นว่าการสร้างความยั่งยืนไม่ใช่เรื่องของการเสียสละผลประโยชน์ทางธุรกิจ แต่เป็นโอกาสในการสร้างคุณค่าร่วมกันระหว่างธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ข้อคิดสำคัญ ได้แก่ การมองภาพรวมและพิจารณาผลกระทบในระยะยาว การให้ความสำคัญกับการพัฒนามนุษย์ การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและทัศนคติ และการแสวงหาโอกาสในการสร้างนวัตกรรม
ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมของ SX ได้ทาง Facebook Page : Sustainability Expo, และแอดไลน์ @sxofficial
เตรียมพบกับมุมมองดีๆ และต้นแบบสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างยั่งยืนพบกับงาน SX2025 ที่จะกลับมาจัดยิ่งใหญ่กว่าเดิมในปีหน้า ระหว่าง วันที่ 26 ก.ย. - 5 ต.ค. 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ "เพราะความยั่งยืนเป็นเรื่องของเราทุกคน"