มูลนิธิชัยพัฒนา
The Chaipattana Foundation
9 เรื่องราว ตัวอย่างความสำเร็จ สู่ชัยชนะแห่งการพัฒนา
9 Success Stories of "Victory through Development
พบกับองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนที่น้อมนำปลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอพียงมาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ
นิทรรศการตัวอย่างการพัฒนา
ที่ครอบคลุม 3 มิติ ที่ประสบความสำเร็จเป็น ชัยชนะแห่งการพัฒนา
มิติสุขภาพ
สะท้อนจากสุขภาพกายดี จิตใจแข็งแรง และความมั่นคงทางอาหารของคนในชาติ นำสนอผ่านโครงการที่ประสบความสำเร็จได้แก่:
  • ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ: เมล็ดพันธุ์ผักปลอดภัยพระราชทานแก่ชุมชนและผู้ประสบภัย สู่ความยั่งยืนด้านอาหารของประเทศ
  • ศูนย์พัฒนาพันธุ์สัตว์พระราชทานด่านซ้าย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และศูนย์พัฒนาพันธุ์สัตว์พระราชทานบ้านหนองชะลาบ อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก: ศูนย์ผลิตพันธุ์ไก่และพันธุ์สัตว์เพื่อพระราชทานแก่ราษฎรและโรงเรียนที่ห่างไกล ได้มีอาหารโปรตีนบริโภค และเพื่อสุขภาพของเด็กนักเรียนอันเป็นอนาคตของชาติ
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเมล็ดคามีเลียและน้ำมันพืชอื่น จังหวัดเชียงราย: ต้นทางผืนป่า ปลายทางน้ำมันเมล็ดคามีเลีย ก่อเกิดน้ำมันบริโภคคุณภาพดี เพื่อคนไทย
มิติด้านสิ่งแวดล้อม
ที่สะท้อนผ่านโครงการต้นแบบ คน...ดิน...น้ำ...ป่า และสิ่งแวดล้อม อยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล ดูแลซึ่งกันและกัน
  • ศูนย์เรียนรู้ด้านหม่อนไหมแบบครบวงจร ของมูลนิธิชัยพัฒนา จังหวัดชัยภูมิ: เพิ่มคุณค่าสิ่งเหลือใช้จากธรรมชาติควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม สู่การสรรค์สร้างสีสันบนผืนผ้าไหมเพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาของไทย
  • โครงการพัฒนาป่าชุมชนบ้านอ่างเอ็ด (มูลนิธิชัยพัฒนา) จังหวัดจันทบุรี: พลิกฟื้นผืนป่าสุดท้ายด้วยชุมชนสู่แหล่งเรียนรู้ที่ยั่งยืน
  • โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี: แหลมผักเบี้ย ระบบบำบัดน้ำเสียและกำจัดขยะชุมชนโดยใช้ธรรมชาติ คืนสมดุลระบบนิเวศ
มิติทางสังคม
ตัวอย่างความร่วมมือกันอย่างบูรณาการ ด้วยการพัฒนาโดย “ระบิดจากข้างใน” ก่อเกิดเป็นความเข้มแข็งของชุมชน อยู่ดี กินดี มีความสุข
  • โครงการชัยพัฒนา-กาชาดไทย (บ้านทุ่งรัก) อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา: จากผู้ประสบภัยสึนามิ เกาะพระทอง จังหวัดพังงา สู่ชีวิตใหม่ ชุมชนใหม่ สำเร็จได้ด้วยการพัฒนาตามหลักภูมิสังคม
  • ภัทรพัฒน์: ผลผลิตจากการพัฒนา สู่ความยั่งยืนทางอาชีพ
  • โครงการอุทยานการอาชีพชัยพัฒนา จังหวัดนครปฐม: การศึกษาทางเลือก เพื่อสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ อย่างยั่งยืน
Prologue
เปิดโลก..ที่จะสะท้อนทุกมุมมองของปัญหาที่เกิดจากพัฒนาแบบก้าวกระโดดและกิจกรรมของมนุษย์สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้..จะส่งผลต่อวันพรุ่งนี้และอนาคตอย่างไร...ค้นพบความหวังและหนทางไปต่อจากคนที่ลงมือทำจริงเพื่อโลก ถ่ายทอดผ่าน Immersive Experience ที่จะทำให้คุณตระหนักว่า..เรื่องของความยั่งยืนเป็นเรื่องของเราทุกคน..และโลกจะไปต่อไป..เราต้องลงมือทำ
3 โซนนิทรรศการที่จะชวนคุณกระตุกต่อมคิดไปด้วยกัน
REFLECTION OF IMPACT
ภาพสะท้อนที่สร้างความรู้สึกว่าคุณกำลังเดินทางเข้าสู่ของโลกที่ไร้สมดุลและกำลังจะแตกสลาย ด้วยการนำกระจกจำนวนมากมาใช้ในการออกแบบ ให้การหักมุมของกระจกที่ถูกดีไซด์ขึ้น สะท้อนถึงสภาวะการณ์อันน่ากลัวของการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติอันเกิดผลทางตรงของภาวะโลกร้อนจนเดือด รวมไปถึงความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและฤดูกาลที่ผิดเพี้ยนไป ซึ่งสื่อถึงการส่งสัญาญาณเตือนให้เราทุกคนต้องหยุดคิด และลงมือทำบางอย่าง เพื่อรักษาสมดุลที่ดี เพื่อให้เราและโลกได้ไปต่อ
POINT OF NO RETURN
ผลกระทบจากการพัฒนาและกิจกรรมของมนุษย์ การปฏิวัติอุตสหากรรมทั้ง 4 ยุค การเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรโลก ในขณะเดียวกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ ก็มากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกเดือดในปัจจุบัน ส่งผลเกิดสภาพอากาศแปรปรวนสุดขั้ว การเปลี่ยนแปลงของสภาพความเป็นอยู่ บังคับให้มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอด นอกจากนี้ใน สงครามที่ปะทุในมุมต่าง ๆ ของโลก ยิ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คน ทำให้เกิดการพลัดถิ่น การอพยพ ที่มีผลมาจากความไม่สงบและผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม
HOPE AND HELP
ค้นพบความหวังและหนทางไปต่อ ตัวอย่างจากคนที่ลงมือทำจริง สร้าง impact อย่างแท้จริงในทุกมิติ และสุดท้ายโลกและเราจะไปต่อได้ทุกคนต้องร่วมมือกัน ถ่ายทอดเชิงสัญลักษณ์ผ่านผลงานศิลปะที่ชื่อว่า ‘Story from Plateau’ หรือ ‘เรื่องราวจากที่ราบสูง‘ โดย อาจารย์บุญโปน โพทิสาน‘ ซึ่งเป็นผลงานที่จะสื่อถึงปัญหาระเบิดในประเทศลาว มีเรื่องราวมาจากผู้ที่ได้ผลกระทบจากระเบิดใต้ดินส่งผลอันร้ายแรงจนกลายเป็นผู้พิการ “ผู้ชมทุกท่านจะได้สัมผัสกับความรู้สึกเศร้าและอ่อนไหวไปกับผลงานชุดนี้ และจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความโหดร้ายของสงครามที่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าจะทางตะวันตกและทางเอเชียมีความคิดตรงกันว่า สงครามไม่ได้ส่งผลดีต่อใครเลย”
 

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
Mae Fah Luang Foundation under Royal Patronage
ความยั่งยืน…เรื่องของทุกคน
Sustainability is everyone’s business
Sustainability is us มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ น้อมนำแนวพระราชดำริในการหยุดวงจรแห่งความทุกข์ยากมาใช้ในการดำเนินงานพัฒนาอย่างบูรณาการที่มีคนเป็นแก่นกลาง ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนชีวิตคนที่ขาดโอกาสให้สามารถพึ่งตนเองได้ โดยได้นำเสนอผ่าน 3 แนวคิดหลัก ได้แก่
  • คนอยู่ได้ ป่าก็อยู่ได้
  • โลกอยู่ได้ คนถึงจะอยู่ได้
  • โลกจะอยู่ได้ เราทุกคนต้องร่วมมือกัน

สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร)
Office of the Royal Development Projects Board (ORDPB)
สืบสาน รักษา ต่อยอด การพัฒนาตามแนวพระราชดำริเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างยั่งยืน
(Nurture, Conserve and Extend The development works according to the royal initiatives for the sustainable happiness of the people)
"สำนักงาน กปร. ได้น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “สืบสาน รักษา ต่อยอด” มาเชื่อมโยงต่อยอดกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ภายใต้คณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนเพิ่มมากขึ้น โดยครอบคลุมในมิติต่าง ๆ เช่น ด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมความยั่งยืน และอื่น ๆ นำมาจัดทำแผนงาน/โครงการ/กิจกรรมให้สอดคล้อง เหมาะสมกับภูมิสังคมของแต่ละท้องถิ่น
  • “สืบสาน” : ทำสืบต่อกัน ทำต่อเนื่อง โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่ขับเคลื่อน ในรูปแบบคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ทั้ง 4 ภาค ให้สามารถดำเนินการได้สำเร็จและบรรลุตามแนวพระราชดำริ
  • “รักษา” : ทำให้คงอยู่ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่คณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) โดยนายกรัฐมนตรี ประธาน กปร. ได้พิจารณาอนุมัติหลักการ และสำนักงาน กปร. ได้จัดทำรายงานทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อทรงพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เป็นระยะ ๆ
  • “ต่อยอด” : ทำและพัฒนาสิ่งที่ทำไว้แล้วให้ก้าวหน้าและได้ผลดียิ่งขึ้น สำนักงาน กปร. ในฐานะหน่วยงานหลักในการประสานการดำเนินงานสนองพระราชดำริ ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเพิ่มขึ้นจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ"
ศาสนา และความยั่งยืน
Religion and Sustainability
นำเสนอหลักในการใช้หลักการทางศาสนา โดยสะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์เป็นตัวตั้งของการพัฒนา ดังคำกล่าวที่ว่า "พัฒนาชาติให้เริ่มที่ประชาชน พัฒนาคนให้เริ่มที่ใจ" จะพัฒนาอะไรให้เริ่มที่ตัวเองก่อน

โดยมีแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เน้น 5 องค์ประกอบหลัก (5P) ได้แก่
  • ประชาชน (People) - การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน ทำความรู้จักกับคำว่า อารยเกษตร และ อารยชน โครงการให้คำปรึกษาที่เรียกว่า "ปัญญาบำบัด"
  • โลกของเรา (Planet) - A Buddhist perspective On Environmental การรักษาสิ่งแวดล้อม มุมมองทางพุทธศาสนาเกี่ยวกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ความมั่งคั่ง (Prosperity) - การส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เน้นย้ำการสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านความรู้และการศึกษา ของวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์
  • หุ้นส่วน (Partnership) - การร่วมมือระหว่างองค์กร ภายใต้แนวคิด "บวร" หมายถึงความร่วมมือ การร่วมมือกันระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในสังคม
  • สันติภาพ (Peace) – การสร้างสังคมที่สงบสุขเน้นการส่งเสริมการสร้างสันติภาพและการทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสังคม ผ่าน 3 เรื่องราว
    • วาติกัน-วัดโพธิ์ภารกิจในการร่วมสร้างสันติภาพและสันติสุขระหว่างคริสตจักร-พุทธจักร
    • การสร้างสันติภาพโลกและวิปัสสนาคารนานาชาติ
    • สร้างพระธรรมทูตไทยก้าวไกลสู่เวทีโลก

กระทรวงมหาดไทย
Ministry of Interior
" มหาดไทย ” กับนวัตกรรมเชิงภูมิสังคมเพื่อโลกที่ยั่งยืน
(MOI Geo-social Innovation for Sustainability: Change for Good for a Better World)
"นิทรรศการแบ่งออกเป็น 5 โซนหลัก
  • Zone A: “Our Passion”
    แสดงพระบรมฉายาลักษณ์ พระปฐมบรมราชโองการ และพระราชดำรัส เพื่อแสดงให้เห็นถึงแรงบันดาลใจของคนกระทรวงมหาดไทย ที่ได้น้อมนำพระราชปณิธาน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแนวพระราชดำริต่าง ๆ มาขับเคลื่อน
  • Zone B: “Passion to Action”
    นำเสนอผลงานโครงการ ของกระทรวงมหาดไทย ที่ได้น้อมนำพระราชปณิธาน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และแนวพระราชดำริต่างๆ มาเป็นหลักในการดำเนินงาน ผ่านนิทรรศการ และคลิปสั้น
  • Zone C: “MOI War Room/MOI War Room เฉลิมพระเกียรติฯ”
    นำเสนอผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานของโครงการเฉลิมพระเกียรติ และ Best Practice งานของ มท. ผ่านทางระบบ MOI War room
  • Zone D: “ก้าวสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน” นำเสนอผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานของของกระทรวงมหาดไทย ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ผ่านระบบ MOI SDGs Tracker
  • Zone E: “มหาดไทยปันสุข”
    นำผลผลิตจาก "โคก หนอง นา" หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ จากจังหวัด และภาคีเครือข่าย มาแบ่งปันให้กับผู้เข้าชมนิทรรศการ
  • Zone F: About MOI/Tell us about your passion
    • About MOI แสดงข้อมูลทั่วไปและโครงสร้างการบริหารของกระทรวงมหาดไทย
    • Tell us about your passion จัดให้มีแผนที่ประเทศไทยบนบอร์ดที่สามารถเขียนและลบได้ โดยให้เขียนเกี่ยวกับแรงบันดาลใจ หรือสิ่งที่อยากทำเพื่อความยั่งยืนฯ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมนิทรรศการ
  • Zone G: “ACTION NOW”
    นำเสนอต้นแบบความสำเร็จ (Best Practice) ของการปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ แบบ Real - Time ในรูปแบบ Live action"

มูลนิธิอุทกพัฒน์ และ สถาบันสารสนเทศและทรัพยากรน้ำ (สสน.)
 
“นวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน” ("Creative Innovations for Water Sustainability")
พบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการสำรวจ ตรวจ วัด และบริหารจัดการน้ำในรูปแบบต่างๆ พร้อมการรับมือกับภัยพิบัติทางน้ำ เช่น
  • "เทคโนโลยีสำรวจและตรวจวัด สนับสนุนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที
    • อากาศยานไร้คนขับ:
      สนับสนุนภารกิจสำรวจพื้นที่ที่ยากต่อการเข้าถึง เพื่อสร้างข้อมูลแผนที่ภาพถ่ายและข้อมูลแผนที่สามมิติ
    • เรือสำรวจความลึกอัตโนมัติ:
      สำรวจหาค่าระดับความลึกแหล่งน้ำ เช่น เขื่อน อ่างเก็บน้ำ แม่น้ำ ลำคลอง สามารถวิเคราะห์ลักษณะพื้นท้องน้ำและสิ่งปกคลุมพื้นผิวท้องน้ำ
  • ระบบโทรมาตรอัตโนมัติ:
    ตรวจวัดข้อมูลสภาพอากาศ ปริมาณฝน และระดับน้ำ รับ-ส่งข้อมูลอัตโนมัติทุก 10 นาที อย่างต่อเนื่อง เพื่อวางแผนบริหารจัดการน้ำ และเตือนภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบสำรวจทางน้ำอย่างง่าย:
    สำรวจสภาพน้ำ ระดับความลึกของแหล่งน้ำขนาดเล็ก สำหรับประเมินความจุแหล่งเก็บน้ำ ได้แก่ ระบบตรวจวัดสภาพน้ำขนาดเล็ก (ปทุมมาตร) เรือสำรวจความลึกแหล่งน้ำขนาดเล็ก
  • รถสำรวจภูมิประเทศด้วยระบบ MMS:
    สำรวจสภาพภูมิประเทศเพื่อจัดทำแบบจำลองภูมิประเทศสามมิติและผลิตแผนที่รายละเอียดถูกต้องสูง ในเวลาอันรวดเร็ว
  • ตัวอย่างความสำเร็จการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ และพิพิธภัณฑ์น้ำชุมชน

องค์การสหประชาชาติในประเทศไทย
United Nations Country Team in Thailand
สำนักงานสหประชาชาติ (ในประเทศไทย) มุ่งมั่นในการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้ง 17 เป้าหมาย โดยเน้นความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนเชิงพื้นที่ (SDG localization) เพื่อนำวาระการพัฒนาระดับโลกสู่ชุมชนท้องถิ่นให้บรรลุผลลัพธ์ตามเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิผล ในงาน SX 2024 สำนักงานสหประชาชาติในประเทศไทยจัดเตรียมนำเสนอเนื้อหาด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยหน่วยงานของสหประชาชาติ จะมาร่วมนำเสนอเนื้อหาการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมและเกมส์จากหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ
  • สำนักงานผู้ประสานงานสหประชาชาติประจำประเทศไทย – UN Resident Coordinator (UN RCO) ทำหน้าที่ปฏิบัติงานในฐานะเป็นตัวแทนเลขาธิการสหประชาชาติ มีอำนาจนำการบริหารทีมงานสหประชาชาติเพื่อมุ่งบรรลุผลตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 ผ่านการดำเนินงานตามกรอบความร่วมมือระหว่างสหประชาชาติและรัฐบาลไทยว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (UN Sustainable Development Cooperation Framework: UNSDCF) ในงาน SX 2024 ได้จัดเตรียมเกมส์และกิจกรรม เพื่อสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมกับการดำเนินงานของสำนักงาน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนมาให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัส อาทิ เกมส์ SDGs ฮีโรไหนคือคุณ / กิจกรรม UNEP Reset Earth App / เกมส์ ActNow UN SDGs App และ application SDGs Collector App เป็นต้น
  • United Nations Population Fund (UNFPA) กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ มีภารกิจในการทำให้การตั้งครรภ์ทุกครั้งคือเรื่องที่น่ายินดี การคลอดทุกครั้งปลอดภัย และศักยภาพของเยาวชนทุกคนได้รับการเติมเต็ม UNFPA ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้หญิงและเยาวชนหลายล้านคนใน 155 ประเทศและดินแดน
    • กิจกรรมบูธ UNFPA Thailand
      ชวนเยาวชนและวัยรุ่นสร้างความปลอดภัยในชีวิตผ่าน Line@SoSafe เรียนรู้การใช้นวัตกรรม Traffy Fondue เพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคม การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ความรุนแรงด้วยเหตุแห่งเพศ ความรุนแรงในครอบครัว รวมทั้งชวนคิดเรื่องการพัฒนาประชากรตลอดทุกช่วงวัยเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคมผู้สูงวัย การส่งเสริมสุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์ และเสริมสร้างพลังของผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ไปด้วยกัน
    • Mobile Platform:
      SoSafe สังคมปลอดภัย เพื่อการพัฒนาทุกช่วงวัยของ UNFPA ประเทศไทยและภาคี
    • VR make her city safe
      ร่วมกับ UN Habitat จำลองสร้างเมืองปลอดภัยผ่าน Minecraft
  • International Labour Organization (ILO) องค์การแรงงานระหว่างประเทศมุ่งมั่นส่งเสริมความยุติธรรมทางสังคม และสิทธิมนุษยชนและแรงงานตามหลักสากล โดยดำเนินการตามพันธกิจพื้นฐานขององค์การที่ว่า ความยุติธรรมทางสังคมคือสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับสันติภาพที่ยั่งยืนและเป็นสากล จะนำเสนอประสบการณ์การทำงานบนเรือประมงไทยผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง VR และเรียนรู้เรื่องการทำงานที่มีคุณค่า
  • United Nations Industrial Development Organization (UNIDO) หน่วยงานของสหประชาชาติที่มีเป้าหมายเพื่อขจัดความยากจนด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมและยั่งยืน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของความสำเร็จในการบูรณาการมิติทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันจำเป็นต่อการบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง

    องค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (UNIDO) จัดแสดงองค์ความรู้ 2 เรื่อง คือ
    • ต้นแบบโรงงานรีไซเคิลเศษโลหะที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยการนําแนวทางด้านเทคนิคที่ดีที่สุด (BAT) และแนวทางการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุด (BEP) มาใช้ลดการปลดปล่อยสารมลพิษและการใช้พลังงาน เยาวชนและประชาชนทั่วไปสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีดังกล่าวตลอดกระบวนการผลิตได้จากสื่อที่หลากหลาย รวมถึงสามารถสแกน QR Code แต่ละจุด เพื่อรับข้อมูลพิ่มเติมได้อีกด้วย
    • แนวคิด “End-of-Waste” หรือ “การสิ้นสุดการเป็นของเสีย” เป็นแนวทางหนึ่งในการจัดการของเสีย โดยมองของเสียเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ เพียงแต่ต้องมีการปรับปรุงคุณภาพหรือนำมาผ่านกระบวนการเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่เหมาะสม

      การเพิ่มมูลค่ากากอุตสาหกรรม เปลี่ยน “ของเสีย” สู่ “วัตถุดิบใหม่” ที่มีคุณค่า ผ่านแนวคิดการสิ้นสุดการเป็นของเสีย จำเป็นต้องมีการดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดกระบวนการ “การสิ้นสุดการเป็นของเสีย” จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ รวมถึงมีความต้องการด้านการตลาดรองรับ เพื่อให้เกิดการนำไปใช้อย่างยั่งยืน
  • United Nations High Commissioner for Refugees (UNHCR) หรือ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ เป็นหน่วยงานของสหประชาชาติที่มีภารกิจในการให้ความคุ้มครอง ช่วยเหลือ และหาทางออกที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ลี้ภัยทั่วโลก ได้เริ่มทำงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 และได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเป็นครั้งที่สองในปีพ.ศ. 2524 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำงานด้านมนุษยธรรมในช่วงวิกฤติผู้ลี้ภัยโดยทางเรือจากสงครามอินโดจีน ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ในงาน SX 2024 UNHCR นำเสนอนวัตกรรมที่พักอาศัยสำหรับผู้ลี้ภัย หรือที่เรียกว่า Refugee Housing Unit (RHU) โดยเป็นผลงานความร่วมมือระหว่าง UNHCR องค์กร Better Shelter และมูลนิธิ IKEA โดยมีจุดเด่นคือเป็นที่พักที่สามารถปรับขนาดให้เหมาะสมกับพื้นที่ได้อย่างลงตัว สามารถติดตั้งได้บนพื้นผิวที่หลากหลายในสถานการณ์ฉุกเฉิน แข็งแรง ทนทาน ออกแบบมาให้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับครอบครัวผู้ลี้ภัย การประกอบทำได้ด้วยมือเปล่า โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ แม้แต่ไขควง ใช้เวลาประกอบเพียง 3 ชั่วโมงด้วยคนเพียง 3-4 คน มีอายุการใช้งาน 4-5 ปีโดยไม่ต้องบำรุงรักษา มีกลอนประตู และไฟ LED ที่ให้แสงสว่างได้นานกว่า 6 ชั่วโมง ใช้วัสดุกันไฟและมีน้ำหนักเบา โดยมีต้นทุนการผลิตที่ไม่สูงมาก และยังติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองอีกด้วย

    เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าใจและตระหนักถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้ลี้ภัย UNHCR ได้จัดแสดงแบบจำลอง RHU ขนาดย่อส่วน โดยใช้วัสดุเดียวกับบ้านจริง ผู้เข้าชมสามารถทดลองประกอบแบบจำลองนี้ได้ด้วยตนเอง พร้อมทั้งสวมแว่น VR เพื่อสัมผัสประสบการณ์ชีวิตของผู้ลี้ภัยในมิติที่สมจริงยิ่งขึ้น

World Bank
International Bank for Reconstruction and Development (IBRD)
การสร้างโลกที่ปราศจากความยากจนบนโลกที่น่าอยู่
ความร่วมมือกับกลุ่มธนาคารโลก
ด้วยสมาชิก 189 ประเทศ พนักงานจาก 170 ประเทศ และสำนักงานใน 130 แห่ง กลุ่มธนาคารโลกเป็นแหล่งให้ทุนและความรู้แก่ประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ให้คำแนะนำเชิงนโยบายที่สอดคล้องกับผลกระทบในโลกแห่งความเป็นจริง
การจัดหาเงินทุนที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับโซลูชั่นการพัฒนา
สร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกับภาครัฐและเอกชน

สนับสนุนการเงินเพื่อการลงทุนที่ยั่งยืนทั่วภาคเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการเงินสีเขียว การเงินสีฟ้า และการพัฒนาคาร์บอนเครดิต
นวัตกรรมทางการเงิน นวัตกรรมทางการเงิน การพัฒนาคาร์บอนเครดิต
ขยายการลงทุนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งรับปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป และปกป้องสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย ขยายการลงทุนเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเล ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ลดมลพิษพลาสติกในทะเล ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการประมง และปรับปรุงการบริหารจัดการน้ำ สนับสนุนการสร้างและการขายคาร์บอนเครดิตที่มีคุณภาพสูง จูงใจการลงทุน และนำผลประโยชน์มาสู่เศรษฐกิจและชุมชนท้องถิ่น


เมืองที่ยั่งยืน
เปลี่ยนเมืองของประเทศไทยให้เป็นเมืองที่คาร์บอนต่ำและมีความยืดหยุ่น และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุมด้วยการเร่งการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของเมืองที่สำคัญ และสร้างกรอบการทำงานที่เอื้ออำนวย

การระดมภาคเอกชน การพัฒนาสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ความยืดหยุ่นในเมืองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การใช้แผนการจัดหาเงินทุนตามที่ดินสำหรับโครงการขนส่ง เช่น รถไฟใต้ดิน รถไฟฟ้ารางเบา และระบบรถโดยสารด่วนพิเศษในกรุงเทพฯ และเมืองรอง สิ่งนี้สามารถสร้างรายได้ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐาน การลดการปล่อยก๊าซขนาดเล็กเพื่อกระตุ้นการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในระดับเมืองและขายคาร์บอนเครดิตในระดับสากล การมีสี่โครงการใน 10 เมืองอาจส่งผลให้มีมูลค่าเงินชดเชย (NPV) 10 ปีมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การเพิ่มความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศในเมืองต่างๆ ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การป้องกันน้ำท่วม และสร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อรับมือกับความร้อนในเมือง


นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
ทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันทางเศรษฐกิจได้มากขึ้นโดยการส่งเสริมนวัตกรรมในท้องถิ่น การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ และเสริมสร้างทักษะของแรงงานไทย และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การส่งเสริมนวัตกรรม การสร้างทักษะ ความก้าวหน้าของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ
สร้างนโยบายส่งเสริมนวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ผลักดันเศรษฐกิจไทยก้าวไกลสู่ระดับโลก ปรับปรุงความพร้อมด้านแรงงานและการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อปรับให้เข้ากับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจโลกและงานในอนาคต ส่งเสริมการเติบโตของภาคเอกชน สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และการปฏิรูปบรรยากาศการลงทุน และประสิทธิภาพของบริการภาครัฐสำหรับบริษัทต่างๆ นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เพื่อปรับปรุงการดำเนินธุรกิจและปรับปรุงบริการภาครัฐ

ASEAN Centre for Biodiversity
สำนักเลขาธิการอาเซียนและศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
ASEAN Centre for Biodiversity (ACB) เป็นองค์กรรัฐบาลระหว่างประเทศ สังกัดสำนักเลขาธิการอาเซียน มีภารกิจปกป้อง ฟื้นฟู และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน ผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และประสานงานกับองค์กรระดับภูมิภาคและนานาชาติ ภารกิจสำคัญของ ACB คือการปกป้อง ฟื้นฟู อนุรักษ์ รวมถึงส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสนับสนุนการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมในภูมิภาค

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ACB ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อาเซียนได้ก้าวเข้าสู่ "ยุคแห่งการค้นพบ" หรือ Age of Discovery โดยพบสายพันธุ์พืชและสัตว์ใหม่ ๆ กว่า 2,200 ชนิดในภูมิภาค การค้นพบและบันทึกข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพดังกล่าว เป็นปัจจัยสนับสนุนการพัฒนายุทธศาสตร์ด้านการอนุรักษ์และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของประเทศสมาชิกอาเซียน

ในงาน SX 2024 นี้ ACB จะนำเสนอข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของอาเซียนในรูปแบบดิจิทัล ผ่านเทคโนโลยีทันสมัยอย่าง Virtual Tour และ Touch Screen เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและสร้างการมีส่วนร่วม (Accessibility and Engagement) ให้แก่ผู้ชมงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านเกมส์และกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่
  • AHP Virtual Tour (ASEAN Heritage Park)
    • เกมส์ยาว 5 นาทีที่ให้ผู้เล่น Walk Through อุทยานธรรมชาติ Mount Kitanglad ซึ่งเป็นป่าที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดในฟิลิปปินส์ และได้เห็นธรรมชาติสายพันธุ์ต่าง ๆ
    • วิธีจัดแสดง: มีการใช้ Sensor และวีดีโอจะเล่นบนจอทีวี โดยที่ผู้เล่นจะเดินอยู่กับที่เพื่อให้วิดีโอเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
  • ASEAN Biodiversity Dashboard
    • Dashboard แสดงพื้นที่เสมือนจริง (online platform)
      ผ่าน dashboard.aseanbiodiversity.org เพื่อแสดงให้เห็นภาพแนวโน้มและตัวชี้วัดด้านความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก ทำให้ผู้เล่นได้สัมผัส เข้าถึง และรู้สึกมีส่วนได้ส่วนเสียกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ
    • วิธีจัดแสดง: Dashboard จะแสดงอยู่บน Touchscreen TV โดยมีเจ้าหน้าที่ของ ACB คอยแนะนำการใช้งาน
  • Species Occurrences Map
    แผนที่ Interactive
    แสดงพืชและสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ และแหล่งที่อยู่อาศัยในอาเซียน
  • Map of Zoonotic Diseases
    • ใช้ฐานข้อมูลจาก WHO ในการสร้างแผนที่ Interactive ที่แสดงพื้นที่ที่เคยเกิดโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนในภูมิภาคอาเซียน
    • วิธีจัดแสดง: Species Occurrences Map และ Map of Zoonotic Diseases จะแสดงอยู่บนจอ Touch screen TV โดยมีเจ้าหน้าที่ของ ACB คอยแนะนำการใช้งาน

Japan
Early Warnings from Space, Protecting Forests and Lives
สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น (The Cabinet Office of Japan) สำนักนโยบายกิจการด้านอวกาศจากประเทศญี่ปุ่น (The National Space Policy Secretariat) จะนำเสนอเทคโนโลยีด้านอวกาศที่นำมาใช้ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และรักษาระบบนิเวศน์ เช่น การใช้เทคโนโลยีอวกาศเพื่อใช้ส่งสัญญานเมื่อเกิดความร้อน หรือปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดไฟป่า เพื่อการป้องกันไฟป่า และการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศน์ ซึ่งไฟป่าเป็นสาเหตุสำคัญที่สร้างความสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึง สร้างปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมหลายด้าน เช่น ปัญหาฝุ่นควัน ปัญหาการสูญเสียสัตว์ป่าและพันธ์พืช ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการคงความสมบูรณ์ของความหลากหลายทางชีวภาพ

การจัดกิจกรรมในงาน SX 2024 สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น (The Cabinet Office of Japan) สำนักนโยบายกิจการด้านอวกาศจากประเทศญี่ปุ่น (The National Space Policy Secretariat) จะร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) และจุฬากรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอเทคโนโลยีอวกาศ ด้วยกิจกรรมและเนื้อหาที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ชมสามารถเข้าใจ เห็นประโยชน์ และมีส่วนร่วมกับเทคโนโลยีอวกาศเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจะมีการนำชุดนักบินอวกาศ แบบจำลองดาวเทียม และเครื่องมือเกี่ยวกับเทคโนโลยีอวกาศมาร่วมแสดงในงาน

Sweden
Research and innovation – Unlocking solutions for the future, today
สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย ร่วมกับ หอการค้าไทย-สวีเดน (The Thai-Swedish Chamber of Commerce – SweCham) นำองค์กรและบริษัทชั้นนำร่วมนำเสนอนวัตกรรมแห่งความยั่งยืน โดยมีนิทรรศการ “Pioneer the Possible: Research and Innovation” นำเสนอบทบาทของสวีเดนในด้านนวัตกรรมความยั่งยืนระดับโลก มุ่งเน้นโครงสร้างพื้นฐานการวิจัยที่แข็งแกร่ง ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ และความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน โดยนำเสนอความสำเร็จของสวีเดนในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การวิจัยเทคโนโลยีขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการสร้างบริษัทยูนิคอร์น นิทรรศการยังเน้นแนวทางของสวีเดนในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า การแสวงหาพันธมิตรและความร่วมมือระหว่างประเทศ และการพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ พร้อมกันนี้ ยังได้นำตัวอย่าง นวตกรรมของภาคเอกชนมาร่วมแสดง ได้แก่
  • Saab
    • Saab มีประวัติอันยาวนานในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศและความมั่นคงของสวีเดน บริษัทได้ผลักดันนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในหลากหลายสาขา และขยายธุรกิจสู่การพัฒนาเครื่องบินพลเรือนและการประยุกต์ใช้งานในด้านต่าง ๆ
    • Saab จะนำเสนอ Digital Tower ซึ่งปฏิวัติวงการการจัดการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Management - ATM) โดยเน้นความยั่งยืนและประสิทธิภาพ ระบบหอควบคุมระยะไกล (r-TWR) สำหรับการควบคุมการจราจรทางอากาศ (Air Traffic Control - ATC) ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการสร้างหอควบคุมใหม่ลงกว่าครึ่ง พร้อมทั้งประหยัดพื้นที่สนามบิน การรวมศูนย์ปฏิบัติการในศูนย์หอควบคุมระยะไกล (Remote Tower Centre - RTC) ด้วยเทคโนโลยีของ Saab จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของการจราจร ลดค่าใช้จ่าย และลดการปล่อยคาร์บอน
    • ระบบ r-TWR ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การประมวลผลแบบคลาวด์ และการใช้ดาวเทียม ทำให้สามารถปรับปรุงคำสั่ง ( Update) และจัดการข้อมูลจากระยะไกลได้อย่างราบรื่นผ่านกล้องดิจิทัลและเซ็นเซอร์ หอควบคุมดิจิทัลระยะไกลของ Saab กำลังยกระดับการควบคุมการจราจรทางอากาศให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
  • SKF
    • SKF จะนำเสนอเทคโนโลยี RecondOil ซึ่งส่งเสริมความยั่งยืนโดยการเปลี่ยนการหล่อลื่นด้วยน้ำมันอุตสาหกรรมจากกระบวนการใช้ครั้งเดียวที่สิ้นเปลืองให้เป็นระบบหมุนเวียน โดยใช้เทคโนโลยีการแยกสองขั้นตอน (Double Separation Technology) เพื่อกรองสิ่งเจือปนขนาดนาโนออก ทำให้สามารถนำน้ำมันกลับมาใช้ใหม่โดยยังคงคุณสมบัติเดิมไว้ได้ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดน้ำมัน
    • SKF มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองโกเทนเบิร์ก ประเทศสวีเดน ก่อตั้งขึ้นในปี 1907 และดำเนินธุรกิจทั่วโลกด้วยยอดขาย 320,000 ล้านบาท จากการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งรวมถึงลูกปืน ซีล ระบบหล่อลื่น ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษา เมคคาทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ส่งกำลัง ระบบตรวจสอบสภาพ และบริการที่เกี่ยวข้อง
  • Alfal Laval
    • Alfa Laval จะนำเสนอเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในกระบวนการอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเทความร้อน (heat transfer) การหมุนเหวี่ยงแยกส่วน (centrifugal separation) และการจัดการของเหลว (fluid handling)
    • Alfal Laval มุ่งเน้นเรื่องการช่วยลดการปล่อยมลพิษ การนำความร้อนเหลือทิ้งมาใช้ใหม่ และสนับสนุนการดำเนินงานอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ช่วยให้สามารถใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างรับผิดชอบ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
New Zealand
ในงาน SX 2024 นิวซีแลนด์จะนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะเทคโนโลยีที่จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยมุ่งหน้าสู่การ ความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "See Tomorrow First" ของนิวซีแลนด์ที่มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีระดับโลกที่ปลอดภัย น่าเชื่อถือ และโปร่งใส โดยผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเน้นการสร้างความร่วมมือที่ใส่ใจและการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อร่วมกันก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนไปด้วยกัน หน่วยงานที่จะมาร่วมนำเสนอเทคโนโลยีในงาน SX 2024 ได้แก่
  • CarbonClick
    นำเสนอเทคโนโลยีเพื่อติดตามและชดเชยการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรม MICE สายการบิน และโรงแรม เทคโนโลยีของ CarbonClick ให้ข้อมูล Carbon Footprint ที่แม่นยำและเป็นปัจจุบัน ช่วยให้ผู้จัดงานสามารถวัดผลและจัดการผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเชี่ยวชาญของ CarbonClick ในการจัดการคาร์บอนสามารถช่วยสร้างมาตรฐานสำหรับการวัดและลดการปล่อยมลพิษในงานต่าง ๆ ให้กับองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศได้ ซึ่ง CarbonClick ประสบความสำเร็จในการร่วมมือกับองค์กรชั้นนำหลายแห่ง แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผสานเทคโนโลยีเข้ากับภาคส่วนต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น โดยนำเสนอโซลูชันที่ปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร

    ตัวอย่างที่สำคัญคือความร่วมมือระหว่าง CarbonClick กับสนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์ ที่มุ่งเน้นการช่วยให้ผู้โดยสารสามารถชดเชยการปล่อยมลพิษจากเที่ยวบินได้อย่างง่ายดาย โดยเสนอทางเลือกที่สะดวกแก่ผู้โดยสารในการชดเชยการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทาง โดยไม่ขึ้นกับสายการบินที่ใช้บริการ ด้วยเครื่องคำนวณคาร์บอนที่ใช้งานง่ายบนเว็บไซต์ของสนามบินชางงี (https://carbonoffsets.changiairport.com) และแอปพลิเคชัน Changi (Changi App) ผู้โดยสารสามารถคำนวณการปล่อยคาร์บอนจากเที่ยวบินที่กำลังจะเดินทางได้ โดยอ้างอิงจากต้นทาง ปลายทาง และชั้นโดยสาร จากนั้นพวกเขาจะได้รับตัวเลือกในการชดเชยการปล่อยมลพิษจากการเดินทางโดยใช้บัตรเครดิตในการชำระเงิน โดยสนามบินชางงีร่วมกับ CarbonClick ในการคัดเลือกโครงการชดเชยคาร์บอนคุณภาพสูง ซึ่งจะส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ไม่ว่าจะเป็นโครงการอนุรักษ์ป่าในอินโดนีเซีย โครงการปลูกป่าในจีน รวมถึงจัดหาการผลิตพลังงานลมในอินเดีย เป็นต้น

    ในงาน SX 2024 ผู้เข้าชมงานจะได้เรียนรู้และสนุกกับแพลตฟอร์มการคำนวณค่าคาร์บอน โดย CarbonClick จะทำให้คุณทราบว่าในการเดินทางมา ได้ปล่อยคาร์บอนไปเท่าไหร่ เพื่อช่วยให้ความตระหนักรู้แก่ผู้ร่วมงานเกี่ยวกับการปล่อยคาร์บอน และปรับพฤติกรรมเพื่อให้ลดการเกิดคาร์บอนในอนาคต
  • Hiringa บริษัทสัญชาตินิวซีแลนด์
    ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยการเปิดตัวเครือข่ายสถานีเติมไฮโดรเจนแห่งแรกในภูมิภาคออสตราเลเซีย ครอบคลุมทั้งนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการใช้พลังงานไฮโดรเจนในภาคการขนส่ง เทคโนโลยีของ Hiringa มีศักยภาพสูงสำหรับประเทศที่พึ่งพายานพาหนะขนาดใหญ่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่การขนส่งเชิงพาณิชย์ส่วนใหญ่ใช้รถบรรทุก อย่างไรก็ตาม ยานพาหนะเหล่านี้ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิมมักปล่อยคาร์บอนในปริมาณมาก ด้วยเหตุนี้ หลายประเทศจึงเริ่มหันมาพิจารณาการใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงานทางเลือก เพื่อมุ่งสู่การขนส่งที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การนำเสนอเทคโนโลยีของ Hiringa จึงเป็นโอกาสสำคัญในการศึกษาและพัฒนาแนวทางการใช้พลังงานสะอาดในภาคการขนส่งของไทยและภูมิภาค
  • Dust Suppression Hopper (DSH)
    เป็นนวัตกรรมลดฝุ่นที่ปฏิวัติวงการขนถ่ายสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการขนถ่ายลงเรือ ลงรถ หรือโหลดเข้าคลังสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับสินค้าเกษตรและเคมีผง ระบบนี้ถูกออกแบบมาให้เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ติดตั้งและดูแลรักษาง่าย พร้อมทั้งช่วยให้การลำเลียงสินค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถขนถ่ายได้สูงสุดถึง 1,700 ตันต่อชั่วโมง ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาด ระบบนี้ทำงานได้โดยอัตโนมัติ ต้องการการดูแลรักษาน้อย และไม่จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง ปัจจุบัน DSH ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยมีการติดตั้งถังนับพันใบในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก สะท้อนถึงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีนี้ นอกจากช่วยลดปัญหาฝุ่นแล้ว DSH ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและปกป้องสุขภาพของพนักงานในอุตสาหกรรมการขนถ่ายสินค้า ตอกย้ำถึงคุณค่าของนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการผลิตและความปลอดภัย
The Netherlands
A global collaboration of Dutch innovation for sustainable future
เนเธอร์แลนด์นำเสนอนวัตกรรมเพื่อรับมือกับปัญหาน้ำท่วม ความมั่นคงด้านอาหาร และอื่น ๆ ซึ่งเป็นความท้าทายระดับโลก ผ่านประสบการณ์เสมือนจริงด้วยอุปกรณ์ VR ที่พาผู้ชมสำรวจโลกแห่งนวัตกรรมอย่างใกล้ชิด พร้อมเชื่อมต่อกับบริษัทผู้อยู่เบื้องหลังโซลูชันล้ำสมัยเหล่านี้

ภายในงาน SX 2024 นอกเหนือจากประสบการณ์ VR แล้ว ยังมีการนำเสนอโครงการนวัตกรรมจากบริษัทและองค์กรต่าง ๆ เช่น โครงการการเปลี่ยนพื้นที่ว่างในเมืองให้เป็นระบบนิเวศที่ยืดหยุ่นสำหรับการผลิตอาหาร โครงการนี้มุ่งเปลี่ยนพื้นที่รกร้างให้เป็นพื้นที่สีเขียวแห่งอนาคต โดยร่วมมือกับผู้ประกอบการ นักนวัตกรรม หน่วยงานท้องถิ่น วิศวกร และผู้กำหนดนโยบาย เพื่อพัฒนาเมืองให้เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารแบบหมุนเวียน เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารในเขตเมือง พลิกโฉมพื้นที่สู่แหล่งอาหารที่ยั่งยืนเพื่อรองรับอนาคตที่การผลิตอาหารไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานอย่างมหาศาลอีกต่อไป นอกจากนี้ เนเธอร์แลนด์ในฐานะประเทศที่มีพื้นที่มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ยังจะนำเสนอเทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำท่วมที่ล้ำสมัย ซึ่งได้นำมาประยุกต์ใช้แล้วในกรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งจัดแสดงโมเดลของปั๊มสูบน้ำประสิทธิภาพสูงอีกด้วย
Hungary
Hungary’s transformation towards a sustainable world – center of the concept of sustainability, an innovation-based country, improve the productivity of the economy and further sustainable clean water supply, sanitation and peace.
รัฐบาลฮังการีนำเสนอวิสัยทัศน์การพัฒนาประเทศสู่ความยั่งยืนระดับโลก โดยมุ่งเน้นนวัตกรรม เพื่อนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการจัดการน้ำสะอาดอย่างยั่งยืน พัฒนาระบบสุขาภิบาล และสร้างเสริมสันติภาพ ฮังการีประกาศแผนปฏิบัติการการปกป้องสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมการจัดการขยะ เทคโนโลยีสีเขียว พลังงานสะอาด และการฟื้นฟูป่าไม้ ทำให้ประเทศฮังการี สามารถสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพ ในปี 2567 ฮังการีดำรงตำแหน่งประธานสภาสหภาพยุโรป จึงได้วางแผนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของยุโรป ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สนับสนุน SMEs และส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล จากปัญหาการแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ฮังการีมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่กับการพัฒนานโยบายเกษตรกรรมยั่งยืนที่มีเกษตรกรเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

หน่วยงานที่จะมาร่วมนำเสนอเทคโนโลยีในงาน SX 2024 ได้แก่
  • ACS HUNGARY KFT
    ผู้บุกเบิกบริการทำความสะอาดยานพาหนะแบบไร้น้ำนำเสนอบริการทำความสะอาดสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำลังปฏิวัติความยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
  • Consulthink Solutions
    ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาระบบ Data Lake ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่จากหลากหลายแหล่งในทุกรูปแบบ โดยมุ่งเน้นการประยุกต์ใช้ในภาคเกษตรกรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะมานำเสนอโซลูชันทางธุรกิจที่ทันสมัย เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และลดการใช้ทรัพยากรอย่างสูญเปล่า ด้วยระบบการบริหารข้อมูล และประมวลผลที่มีประสิทธิภาพ สามารถรายงานและประมวลผลผลในทันที (Real time) พร้อมตรวจสอบแหล่งที่มาสำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร เพื่อยกระดับการบริหารจัดการในภาคส่วนนี้อย่างครบวงจรและมีประสิทธิภาพ
  • Kuube
    นำเสนอม้านั่งอัจฉริยะทำงานด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้ชาร์จโทรศัพท์มือถือและให้บริการ WiFi ฟรี อีกทั้งยังติดตั้งระบบตรวจวัดสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทั้งคุณภาพอากาศ ระดับเสียง และสภาพอากาศ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเพื่อวัดอุณหภูมิและกล้อง เพื่อตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้นของผู้ใช้งานได้อีกด้วย
France
French companies and research institutions are fully committed to achieving the SDG
รัฐบาลฝรั่งเศสนำเสนอความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยรวบรวมทั้งหน่วยงานวิจัยของรัฐบาลและบริษัทชั้นนำของฝรั่งเศส 10 หน่วยงาน เพื่อแสดงให้เห็นถึงนโยบาย แนวคิดริเริ่ม และแนวปฏิบัติด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ ตัวอย่างหน่วยงานที่ร่วมนำเสนอเนื้อหา ได้แก่
  • สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งชาติฝรั่งเศส (Institut de Recherche pour le Développement – IRD)
    นำเสนอโครงการ SIMPLE ที่ย่อมาจาก Sustainability Issues Metaverse for building Participatory Learning Environments เพื่อให้ความรู้พร้อมเพิ่มความตระหนักในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม ผ่านระบบ 3D virtual universes (VUs) ที่มีรูปแบบคล้ายการเล่นเกมส์ เพื่อใช้เป็นสื่อการเรียนการสอน โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กและเยาวชนทั้งใน ลาว กัมพูชา เวียดนาม และไทย โดยในส่วนของประเทศไทยนั้นได้รับความร่วมมือจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และ สวทช ซึ่งตัว VUs ที่ร่วมพัฒนากับ สวทช นั้นจะเน้นไปที่การเพิ่มความตระหนักถึงผลกระทบของการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพต่อระบบนิเวศ พร้อมแนวทางการแก้ไขอย่างสร้างสรรค์
  • Schneider Electric
    เป็นหนึ่งในหน่วยงานภาคเอกชนที่ร่วมนำเสนอนวัตกรรมความยั่งยืน Schneider Electric มุ่งมั่นผสานความยั่งยืนและประสิทธิภาพอย่างลงตัว ด้วยการบูรณาการแนวทางการทำงานในระดับโลกและโซลูชันด้านพลังงานชั้นนำอย่างครบวงจร Schneider Electric จะนำเสนอแพลตฟอร์ม EcoStruxure™ ที่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถรวบรวม วิเคราะห์ และทำให้ข้อมูลที่สำคัญสำหรับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของพวกเขาเป็นระบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรมสวิตช์เกียร์ SM Airset ที่ไม่ใช้ก๊าซ SF₆ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโซลูชันการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ที่เชื่อถือได้ และยั่งยืน
idownload
gplay
istore